วันจันทร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2561

*review* Work and Travel เอเจนซี่ ขั้นตอน สัมภาษณ์งาน

สวัสดี เพื่อนๆทุกคนที่หลงมาอ่าน Blog นี้
เราคิดอยู่นานมากว่าจะทำรีวิวตอนนี้เลยดีมั้ย หรือให้จบโครงการก่อน
แต่คิดไปคิดมาก็ทำไว้เลยดีกว่า เพราะอยากจะบรรยายความรู้สึกตอนนี้ให้ทุกคนได้อ่าน แล้วก็อยากเก็บเป็นไดอารี่เล็กๆของตัวเองด้วย
(รีวิวนี้อาจจะมีแต่ตัวอักษรล้วนๆ หวังว่าจะไม่เบื่อนะ ใครอยากรู้เรื่องสัมภาษณ์งานแบบละเอียดๆเลื่อนไปด้านล่างเลยนะคะ😆)



ถ้าใครได้เซิร์ดข้อมูลในอินเตอร์เน็ตจากที่หลายๆคนรีวิวแล้ว ก็จะพอรู้ว่าการไปเวิร์กนี้คืออะไร เอเจนซี่สำคัญแค่ไหน (ถ้าใครยังไม่รู้แนะนำให้อ่านเยอะๆๆ เพราะมีพี่ๆรีวิวไว้ดีๆหลายคนมากๆ หรือกลุ่มใน facebook ก็มีประโยชน์มากๆเลย)

เราเป็นคนนึงที่ผ่านการเปลี่ยนเอเจนซี่มาครั้งนึงก่อนที่จะมาเลือกเอเจนนี้ ด้วยปัญหาการเลือกงานที่ค่อนข้างยาก แล้วติดต่อสื่องานกับเอเจนลำบาก สุดท้ายก็มาจบที่เอเจน Acadex
เรายังไม่ได้รับประกันว่าเอเจนนี้ดีร้อยเปอร์เซนนะ เพราะเราพึ่งร่วมโครงการ ยังไม่ได้เดินทางไปเลย 
แต่ตั้งแต่เข้าร่วมมาจนตอนนี้ยังไม่มีปัญหา สิ่งหนึ่งที่ชอบที่สุดคือด้านการสื่อสารที่สะดวกรวดเร็วมาก 
หากใครกำลังเลือกเอเจนอยู่ก็ขอแนะนำอีกทีว่าลองหารีวิวอ่านเยอะๆนะคะ

ขั้นตอน

ของเอเจนนี้คือ เขาจะมีงานอัพเดตไว้ที่เว็ปของเขาค่ะ แบ่งงานออกเป็น 3 ส่วน คือ Promotion locations, Premium locations และ Exclusive premium locations เราคิดว่าส่วนที่ต่างกันของสามอย่างนี้ ก็คือส่วนลดค่ะ อีกอย่างถ้าเราเลือกงานได้เร็วก็จะได้ส่วนลดเยอะด้วยค่ะ
เอเจนนี้ไม่ต้องสอบวัดระดับภาษา และไม่จำกัดการเลือกงาน แต่พี่เขาก็มีtestให้ถ้าเราอยากรู้ว่ารดับภาษาเราอยู่ขั้นไหน และแต่ละงานเขาก็มีเขียนไว้ว่าเขาอยากได้ระดับประมาณไหนด้วย แต่ข้อดีอยู่ที่ว่าถ้าหากระดับภาษาเราอยู่ต่ำกว่าเกณฑ์ เราสามารถเลือกงานนั้นได้นะ แล้วไปวัดกันตอนสัมภาษณ์อีกที

ขั้นตอนแรกหลังจากที่เราเลือกงานได้เราก็จองงานโดยเราโทรไปบอกพี่Acadex ค่ะ แล้วต้องจ่ายเงินงวดแรก 4900บาทเป็นค่าจองงานค่ะ

ขั้นตอนที่2 หลังจากนั้นเราต้องอัพโหลดเอกสารลงในเว็ป (จะมีใบรับรองแพทย์ด้วยที่เราเคยรีวิวไว้ใน Blog ของรพ.จุฬา http://mukatay23.blogspot.com/2017/11/review.html )

ขั้นตอนที่ 3 หลังจากเราจ่ายเงินงวดแรกไปหนึ่งเดือน เราต้องจ่ายเงินงวดที่ 2 ซึ่งรอบนี้แต่ละคนจะไม่เท่ากันนะขึ้นอยู่กับงานที่เลือก และส่วนลดที่ได้

หลังจากนั้นเราก็รอสัมภาษณ์งานอย่างเดียวค่ะ เราจะรู้วันก็ต่อเมื่อทางนายจ้าง หรือเอเจนอเมริกาเขาติดต่อมาทางAcadex  ซึ่งของเราพี่เขาบอกเป็นหลังปีใหม่เลย ธันว่าเราก็รีบไปเที่ยวยาวๆ แล้วทำตัวให้ว่างหลังปีใหม่รอ5555

สัมภาษณ์งาน

เราสัมภาษณ์งานสองรอบค่ะ รอบแรกน่าจะเป็นของเอเจนซี่มาสัมภาษณ์ผ่านทางสไกป์ และรอบสองนายจ้างบินมาสัมที่ศูนย์ Acadexเลย


รอบแรกหลังปีใหม่พี่เขาก็โทรมาทันทีเลยค่ะ โดยตอนแรกเราได้คิวสัมภาษณ์วันที่ 3 ม.ค. ตอน00.40 แต่เขาไม่ได้สไกป์มา เราก็รอจนพี่ Acadexโทรมาตอนตี2กว่าว่าทางนั้นเราเกิดปัญหา จะนัดสัมใหม่ทีหลัง

เราได้นัดวันสัมใหม่วันที่ 8 ม.ค. ตอน21.40 ค่ะ ผ่านสไกป์แล้วเขาไม่เปิดกล้องค่ะ เลยได้ยินแต่เสียง(น่ากลัวมากอ่ะ) คำถามที่เขาถามเราก็จะมีให้แนะนำตัว เรียนอยู่ไหน ทำไมถึงรวมโครงการเคยทำงานมาก่อนมั้ย แพลนในอีก10ปีอยากทำอะไร ความสามารถพิเศษ เคยเป็นหัวหน้ากลุ่มหรือเฮดของงานอะไรมั้ย เคยไปต่างประเทศมั้ย ประมาณนี้ แต่รอบนี้เหมือนคุยกับหุ่นยนต์เลยอ่ะ แบบถามแล้วก็พิมอะไรซักอย่าง ไม่มีถามต่อ แล้วก็ไม่ให้ถามอะไรด้วย มันเลยทำให้เราเครียดและเกรงเข้าไปใหญ่ คิดคำตอบไม่ออกเลย😵 บางคนที่ไปงานเดียวกันเจอคำถามว่า 10 เซนต์ เรียกว่าอะไร มีเงินล้านจะเอาไปทำอะไร ก็มี
วันถัดมาพี่เขาก็โทรมาบอกว่าสัมภาษณ์ผ่านแล้วค่ะ แล้วก็บอกต่ออีกว่านายจ้างจะสัมอีกรอบ.. แอบดีใจและเสียใจ5555

รอบที่สอง นายจ้างนัดวันสัมภาษณ์เมื่อวันที่ 29 ม.ค.ค่ะ ตอนแรกนัดสัมภาษณ์เป็นตอนหกโมงเย็น แต่พอวันจริงพี่acadexโทรมาบอกตอนเที่ยงว่านายจ้างขอเลื่อนเป็นบ่ายสามแทน😵 ตอนนั้นเรากำลังจะพรีเซนต์งาน ก็ต้องรีบขอคนแรกแล้ววิ่งออกจากคณะเลย เพราะเราเรียนลาดกระบังเลยใช้เวลาเดินทางเยอะ
นายจ้างเป็นคนเกาหลีที่ย้ายไปอยุ่อเมริกาค่ะ แต่เขาอยู่นานมากๆเลยเลยไม่ต่างจากคนอเมกันเลยค่ะ เขาให้เข้าสัมภาษณ์ทีละ 5 คน โดยเราเข้าไปกรุ๊ปที่สองนะ เราว่าบรรยากาศการสัมภาษณ์รอบนี้ไม่ค่อยเครียดเหมือนรอบแรก
พอเข้าไปนายจ้างแนะนำตัวว่าเป็นใคร มากจากไหน แล้วพวกเขาทำอะไรกันเมื่ออยู่ที่โน่น โดยเขามีคลิปมาให้เราดูด้วยนะ เป็นคลิปที่เขาพากเด็กไทยปีที่แล้วไปเที่ยวที่ต่างๆค่ะ และเขาก็ถามว่าเราไปกับเพื่อนรึป่าว คือกรุ๊ปเราเข้ามีเราไปกับเพื่อนผู้หญิงสองคน แล้วอีก3คนเป็นผู้ชายที่มาด้วยกัน เสร็จเขาก็ให้เรานะนำตัวทีละคนว่าเราคือใคร อายุเท่าไหร่  เรียนอะไร ทำไมอยากไปโครงการนี้ แล้วก็เวลาที่เราสามารถเริ่มทำงานให้เขาแล้วก็เวลาจบงาน ซึ่ง ม.เราเปิดเทอมเร็วมากกก เราเลยจบงานก่อนเวลา แล้วนายจ้างก็ตกใจนิดๆ ถึงขนาดบอกว่า " ภาษาของคุณโอเคอยู่นะ แต่ถ้าเกิดคุณไม่ได้งานนี้ ก็ให้รู้ไว้เลยว่าเหตุผลเดียวเพราะเรื่องเวลาจบงาน " เขาอยากได้คนที่จบงานได้ตามที่เขากำหนดไรงี้ แต่เราไม่ได้จริงๆเพราะแค่เวลาที่บอกเขาก็น่าจะขาดเรียนเกือบสองอาทิตย์แล้ว😭😭😭😭😭😭
เขาก็อธิบายถึงลักษณะงานเขาต่อว่าอยู่กันยังไง ได้ชม.งานเท่าไหร่ขอเพิ่มได้มั้ย เขาถามด้วยว่ารู้รึป่าวว่าพวกผมขายอะไร ซึ่งเพื่อนก็ตอบเฟรนฟราย ไอศครีมไรงี้ แล้วเราก็ตอบเบอร์เกอร์กับมิลค์เชคด้วย รึป่าว
แล้วเขาก็บอกว่าปกติมีนะ แต่สาขาที่คุณจะไปทำงานเราไม่มีขายเบอร์เกอร์กับมิลค์เชค555555 เด๋อไปอีก
เขาถามอีกด้วยว่าคุณซีเรียสมั้ยถ้าเพื่อนคุณไม่ได้งานนี้แต่คุณได้ ซึ่งทั้งห้องก็ตอบว่าไม่
สุดท้ายเขาก็ให้เราถามคำถามกลับ ก็มีเพื่อนถามเรื่องที่อยู่ การเดินทาง ต้องเอาอะไรไปบ้าง มีมาร์เก็ทมั้ยทั่วไป
จนสุดท้ายเราถามเขาว่า Can I ask some stupid question? เขาก็หัวเราะเลยแล้วก็บอกอยากรู้ว่าจะถามอะไร เราเลยถามว่า คุณชอบกินอาหารไทยมั้ย55555555555 ทั้งห้องก็ขำเลยอ่ะ เขาก็ตอบว่า I really like thai food เราเลยบอกว่าถ้าอยากลองเราทำให้กินได้นะ เขาก็ขำแล้วบอกว่าคุณไม่ต้องเสนอแต่ผมจะขอให้คุณทำให้ผมกินเลย อาจจะมีซักweekendที่เราทำอาหารกินด้วยกันไรงี้ เราก็เลยขายของต่อเลยว่าเราทำอาหารเกาหลีได้ด้วย เราชอบเรียนทำจากยูทูปที่คนเกาหลีเป็นคนสอน แล้วก็ทำมั่วๆให้แม่เป็นเหยื่อในการชิมไรงี้ เขาก็ถามต่อว่ามีใครจะถามคำถามโง่ๆอีกมั้ย5555 แล้วก็ขำไม่หยุด เพื่อนเราเลยบอกว่ามี แล้วก็ถามเขาว่าอาหารไทยที่เขาชอบคืออะไร เขาก็บอกว่าต้มยำกุ้ง แล้วก็ส้มตำ ซึ่งเรากับเพื่อนมาจากขอนแก่นทั้งคู่เลยบอกว่า เนี่ยฉันมาจาก northeast of thailand เลยนะ ที่นั้นส้มตำเป็นออริจินอลเลย ตอนแรกเขาก็งงนิดๆ เพื่อนผู้ชายเลยถามว่าเรามาจากจังหวัดอะไร เราบอกขอนแก่น เพื่อนก็อ่ออ แล้วบอกนายจ้างว่าส้มตำอร่อยสุดก็ที่ขอนแก่นนี้แหละ5555 เราก็บอกเราทำเป็นงี้ถ้านายจ้างอยากลอง เขาก็ขำๆตลกเรา

สรุป เย็นวันนั้นพี่acadexโทรมาบอกว่าเรากับเพื่อนสัมภาษณ์งานผ่านทั้งสองคนเลยค่ะ😁
ส่วนตัวเราคิดว่าการเตรียมตัวในการสัมภาษณ์งานเป็นสิ่งที่ควรทำนะ เราเป็นคนนึงที่เขียนคำตอบไว้เผื่อนายจ้างถามไว้เยอะมาก แล้วก็อ่านรีวิว ดูยูทูป ฝึกพูดทั้งกับพ่อ แม่ พี่ น้อง เพื่อน จนเกือบจะท่องคำตอบเลยทีเดียว แต่พอเรามาสัมภาษณ์จริง ขอยืนยันอีกเสียงเลยว่ามันไม่มีทางเหมือนที่เราซ้อมมาแน่ๆ ทางที่เราแนะนำคือหาโอกาสที่จะใช้มันให้เยอะๆ(เช่นอยู่กับเพื่อนเราก็บอกเราลองพูดแต่อังกฤษกันดูมั้ย เรื่องทั่วไปนี้แหละ หรือดูหนังแล้วลองพูดตามให้มันติดปาก หรือในยูทูปก็มีหลายช่องที่มีคอนเท้นดีๆ ดูแล้วไม่เบื่ออย่างครูลูกกอล์ฟ พี่พีชอะไรงี้ อีกวิธีของเราคือเราชอบดูbeautybloggerต่างชาติ แล้วเราก็ได้ฟังสำเนียงหลายๆแบบ แรกๆก็ไม่เข้าใจหรอกเอาจริงๆ แต่พอเราดูไปเรื่อยๆมันจะเริ่มเข้าใจจากคำสองคำเป็นประโยคไรงี้) แล้วก็คิดว่าการมาสัมภาษณ์เหมือนเรามาพูดคุยเล่นกับชาวต่างชาติทั่วไป  ไม่ต้องจริงจังกับมันมากก็ได้ ถ้าไม่ได้เราก็เอาใหม่ ไม่เข้าใจเราก็ถาม เพราะยังไงมันก็เป็นภาษาที่2ของเรา ไม่มีทางที่เราจะรู้ไปหมดทุกอย่างหรอก(ประโยคนี้ลอกพี่ลูกกอล์ฟมา5555)

 ขอให้เพื่อนๆโชคดีกับการสัมภาษณ์นะคะ เจอนายจ้างดีๆ สัมงานๆไม่เครียด แล้วก็ผ่านทุกคนเลย



แถม

ฝึกแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษ สำคัญคือ พูดชื่อเราช้าๆให้เขาฟังทัน บอกชื่อเรียน อายุห้ามลืม มหาลัยเป็นชื่อเต็ม แล้วคณะตามด้วยสาขา 

ถ้าเขาถาม how are you ก็ควรถามกลับเป็นมารยาท

ลองฝึกตอบคำถามว่าทำไมถึงอยากรวมโครงการนี้ ก็ให้ลองหาเหตุผลที่ดูน่าสนใจไม่ซ้ำกับคนอื่นๆ

ถามว่าเคยทำงานมาก่อนมั้ย สำคัญควรจะมี พี่ก็ให้ลองๆคิดๆดู บอกได้หมดตั้งแต่ฝึกงานกับที่ม. หรือขายของออนไลน์ หรือทำกิจกรรมกับในมหาลัย เพราะส่วนใหญ่อายุประมาณเราในเมกาเขาเริ่มทำงานกันแล้ว พี่เลยแนะนำว่าถ้าเรามีประสบการณ์ทำงานจะดีกว่านะ

งานอดิเรกก็ทั่วไปบอกได้หมดเลย

เป้าหมายในชีวิต ควรมี เพ้อฝันแค่ไหนก็ได้ เพราะเมกาเป็นเมืองของนักฝันอยู่แล้ว อาจจะบอกประมาณว่า อายุ25อยามีรถ 27อยากมีบ้านของตัวเอง สร้างแบรนตัวเอง ประสบความสำเร็จทางธุรกิจอะไรแบบนี้ก็ได้

จุดอ่อน จุดแข็ง ส่วนใหญ่ไม่ค่อยถาม แต่อาจจะเตรียมๆไว้ก็ได้ แนะนำคือควรต่างกันสุดขั้ว ไม่ใช่แบบว่าจุดแข็งคือขยันทำงาน แต่จุดอ่อนคือตื่นสายไรงี้

ถ้าเขาถามว่ามีเพื่อนที่จำเป็นต้องไปด้วยกันรึป่าว แล้วมี ก็ให้เตรียมทำตอบดีๆ ว่าทำไมต้องไปด้วยกัน อาจจะตอบเช่น เรารู้จักกับเขามานานแล้วรู้จักกันดีมาก ทำงานเข้ากันได้ง่ายแบบมองตารู้ใจ ทีมเวิร์กดีไรงี้ อาจจะเสริมว่าถ้าไปกับเพื่อนมันจะทำให้การไปครั้งนี้ได้ประสบการณ์ที่ดีกว่า บลาๆๆ

ถ้าเขาถามเรื่องงานสอง ก็ตอบว่าใช่ แต่งานของเขาจะสำคัญเป็นอันดับแรกไรงี้

มีปัญหาตอนทำงานจะทำอย่างไร ขั้นตอนที่ดีควรจะ ขอโทษลค.ก่อนเสมอ เจรจาด้วยความใจเย็น ถ้าไม่ไหวก็รายงานเมนเนเจอร์ทันที

ถ้าเขาถามว่ามีคำถามเพิ่มเติมมั้ย ควรมี! อาจจะถามเรื่องเมือง เรื่องการเดินทาง เรื่องเวลาทำงานไรงี้ได้หมด

*เพิ่มเรื่องที่ไม่ควรพูดเลย ไม่ว่าจะตอนสัมหรือตอนที่ไปอยู่นั้น คือ การเมือง สีผิว ศาสนา รูปร่าง ห้ามเด็ดขาดด*

ถ้าจะเริ่มงานช้า หรือจบงานก่อนควรถาม

ทำไมถึงเลือกงานที่นี้ ควรไปหาข้อมูลของบริษัทนั้นๆไว้ เช่น ร้านอาหารนี้อะไรดัง ทำไมคนต้องไปกิน  ไม่ใช่ตอบว่า เพราะให้เงินดี ใกล้ที่เที่ยว เงินทางง่าย แบบนี้ไม่เอา

รู้ไรเกี่ยวกับเมืองบ้าง ก็ควรหาข้อมูลไว้เช่นกัน

ถ้าสัมแบบสไกป์ แล้วเขาไม่เปิดกล้อง เราควรเปิดนะ เขาจะได้รู้ว่าเป็นเราจริงๆ ให้อยู่คนเดียวเท่านั้น ห้ามให้ใครเดินผ่าน เพราะถ้าเรามองเขาอาจจะดูรู้แล้วคิดว่าเราอาจจะโกงให้เพื่อนช่วยงี้ ไม่ควรหมุนกล้องไปมา ตั้งไว้นิ่งๆ

3 ความคิดเห็น:

  1. จขกท.เลือกงานอะไร ตำแหน่งอะไร เมืองไหนหรอคะ เป็นยังไงบ้างคะการทำงานจริง

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณขอมูลดีๆนะคะ

    ตอบลบ
  3. มิทราบว่าจะขอติดต่อสอบถามเพิ่มเติมเป็นการส่วนได้ไหมค่ะ?😊🙏❤❤❤

    ตอบลบ